.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพฤหัสบดี (3 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยาวนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,001.25 จุด ลดลง 146.51 จุด หรือ -0.46%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,719.89 จุด ลดลง 39.80 จุด หรือ -1.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,342.94 จุด ลดลง 181.86 จุด หรือ -1.73%

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 ราย โดยข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งและอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป

 

ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณภายหลังการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันพุธว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่เฟดจะพิจารณาเรื่องการระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคำกล่าวของนายพาวเวลทำให้นักลงทุนกังวลว่าวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะยาวนานกว่าที่คาดไว้ โดยขณะนี้ตลาดปรับเพิ่มคาดการณ์เพดานสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยเฟดสู่ระดับ 5% หรือสูงกว่านั้นในปีหน้า จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4.50-4.75%

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยการแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีซึ่งเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลกรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐนั้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนการชำระหนี้ที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุนและลดการจ่ายเงินปันผลให้แก่นักลงทุน

 

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 4.07% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.66% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ลดลง 1.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.44% หุ้นสแนป ดิ่งลง 3.78%

 

หุ้นควอลคอมม์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ระดับโลก และหุ้นโรคู (Roku) ซึ่งเป็นบริษัทสตรีมมิงสื่อบันเทิง ร่วงลง 7.66% และ 4.57% ตามลำดับ หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3

 

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยลดช่วงลบของดัชนีดาวโจนส์ในระหว่างวัน โดยหุ้นโบอิ้ง ทะยานขึ้น 6.39% หุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.22% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ปรับตัวขึ้น 1.12% หุ้นฮันนีเวลล์ พุ่งขึ้น 1.96%

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค.

 

สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 54.4 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 จากระดับ 56.7 ในเดือนก.ย. โดยดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่

 

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์