เฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25%

นักลงทุนมั่นใจ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% จาก 4.25-4.50% เป็น 4.50-4.75%

ข่าวใหญ่และประเด็นสำคัญที่นักลงทุนทองคำจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดสำหรับสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กับ ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยมีสิ่งที่ต้องติดตามต่างกัน คือ ฝั่งสหรัฐฯ ที่มีอัตราเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องและชัดเจน จะขยับดอกเบี้ยขึ้นไปสุดที่เท่าไร จะจบดอกเบี้ยขาขึ้นในช่วง 5.00-5.25% ตามที่คณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่ลงความเห็นผ่าน DOT-PLOT หรือไม่ ในขณะที่ฝั่งยุโรปที่อัตราเงินเฟ้อ แม้เชื่อว่าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่การจะกดลงมายังคงเป็นปัญหาหนัก และประธาน ECB ก็ยืนยันผ่านการสัมภาษณ์อยู่บ่อยครั้งในช่วงหลังว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องแน่นอนจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะลงต่ำจริง ๆ

.

ซึ่งการที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ กำลังจะขึ้นสู่จุดสูงสุด เพื่อเตรียมตัวจะถอยลง แต่อัตราดอกเบี้ยของยุโรปยังอยู่ห่างไกลจากคำว่าสูงสุด จึงอาจกล่าวได้ว่า เรากำลังจะเข้าสู่ช่วงที่มีความแตกต่างกันเชิงนโยบายการเงินระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ผลที่เกิดขึ้นในปีนี้จึงเป็นไปในลักษณะที่เงินสกุลดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ในขณะที่เงินสกุลยูโร ซึ่งควรจะอ่อนค่าอย่างมากจากความย่ำแย่ของเศรษฐกิจ กลับได้รับแรงพยุงให้อ่อนค่าน้อยกว่าที่ควรจะเป็น จากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของยุโรปที่จะถูกปรับให้สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยจูงใจให้เงินไหลออกจากสกุลเงินยูโรน้อยลง

.

ราคาทองคำ Spot จึงได้รับผลบวกรวมกันสามทาง ทั้งจากการตกลงของเงินดอลลาร์ที่มาดันให้ราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ปรับตัวสูงขึ้น จากการอ่อนลงช้า ๆ ของค่าเงินยูโร และจากการชะลอตัวลงจนถึงขั้นถดถอยทางเศรษฐกิจที่เกิดกับสหภาพยุโรป (EU) และกำลังจะเกิดกับสหรัฐฯ

.

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เงินสกุลดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างหนัก ผลกระทบทางลบจึงเกิดกับราคาทองคำในประเทศ ทำให้ราคาทองคำในรูปเงินบาทปรับขึ้นได้น้อยกว่าราคาทองคำ Spot ที่เป็นเงินดอลลาร์มาก โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาทองคำ Spot ปรับขึ้นมาแล้วประมาณ 20% ขณะที่เงินบาทแข็งค่ามาแล้วกว่า 15% ทำให้ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นได้ไม่ถึง 5%

.

เมื่อเราทราบแล้วว่า เงินดอลลาร์อ่อนค่าเพราะเฟดกำลังจะเลิกขึ้นดอกเบี้ย สิ่งที่เราต้องติดตามในผลการประชุมเฟดครั้งนี้จึงไม่ใช่ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ตามคาดหรือไม่ แต่เป็นการส่งสัญญาณของประธานเฟดผ่านถ้อยแถลงหลังการประชุม ที่อาจทิ้งคำใบ้เอาไว้ก็ได้ว่าเฟดจะประกาศพักการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมใด ระหว่าง 3 พ.ค. กับ 14 มิ.ย.

.

ทั้งนี้ จากการคำนวณความน่าจะเป็นที่เฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายด้วยเครื่องมือ FedWatch Tool มีสิ่งที่น่าสนใจคือ นับตั้งแต่ภายหลังการประชุมเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. เป็นต้นมา ตัวเลขที่สะท้อนมุมมองของนักลงทุนในตลาดที่คาดว่าเฟดจะปรับดอกเบี้ยขึ้นเพียง 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเฟดส่งสัญญาณยืนยันความเชื่อมั่นของตลาดที่เห็นตรงกันว่า ภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทำให้ตลาดประเมินว่าเฟดไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยคราวละ 0.50% อีก จนตัวเลขความมั่นใจของนักลงทุนใน FedWatch Tool พุ่งขึ้นมายืนที่ 95-100% ตลอดเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าเฟดจะต้องปรับดอกเบี้ยขึ้นแค่ 0.25% อย่างแน่นอน

.

ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ต่างก็ทำจุดสูงสุดไว้ไม่เกิน 5% ก็พอจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นว่า ถึงแม้เฟดจะยังไม่พูดว่าจะจบดอกเบี้ยขาขึ้นที่ตรงไหน แต่ตลาดก็เก็งกันไปแล้วว่า อย่างมากก็แค่แตะ 5.00% ทำให้ในมุมมองของตลาด ช่องว่างที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้จึงเหลืออีกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น คือ ในวันที่ 22 มี.ค. ส่วนในวันที่ 3 พ.ค. จะเป็นการวัดใจคณะกรรมการเฟดว่าจะขอขึ้นดอกเบี้ยอีกสักครั้ง หรือว่าจะพักไปเลยเพื่อรอดูสถานการณ์อย่างที่ตลาดประเมินไว้

.

เพราะฉะนั้น ถ้าครั้งนี้ประธานเฟดทิ้งคำใบ้ถึงจุดสิ้นสุดของการปรับขึ้นดอกเบี้ย ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในการประชุมหน้า แต่ถ้าครั้งนี้ประธานเฟดไม่ให้สัญญาณใด ๆ เพิ่มเติม ตลาดก็จะประเมินว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% อย่างแน่นอนในการประชุมหน้า และต้องไปลุ้นกันอีกครั้งในการประชุมเดือน พ.ค. ว่าเป็นจุดสูงสุดของดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้หรือไม่ ส่วนผลกระทบต่อราคาทองคำ ทางฮั่วเซ่งเฮงคาดว่า ถ้าประธานเฟดยืนยันช่วงเวลาของการหยุดขึ้นดอกเบี้ยด้วยจริง ราคาทองคำ Spot น่าจะบวกขึ้นได้แรงจากแรงเก็งกำไรว่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงไปอีก แต่ถ้าประธานเฟดไม่เผยอะไรออกมาเลย ผลที่ได้น่าจะเป็นการ Sell On Fact

ดาวน์โหลดเอกสาร