ราคาทองปรับขึ้นแรงตอบรับข่าวธนาคาร SVB ล้ม

ข่าวซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ธนาคารพาณิชย์ใหญ่อันดับ 16 ของสหรัฐล้มในวันศุกร์ที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกสั่นสะเทือนและกังวลจะลามกระทบกับสถาบันการเงินของสหรัฐแห่งอื่น ที่คนฝากเงินจะเกิด Panic พากันมาแห่ถอนเงินกับสถาบันการเงินของสหรัฐกันและต้องล้มตามกันไปเป็นโดมิโน เพราะบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) มีการคุ้มครองเงินฝากรายละ 250,000 ดอลลาร์

.

ลูกค้าส่วนใหญ่ของธนาคาร SVB เป็นกลุ่มธุรกิจ Start up ที่ฝากเงินเอาไว้มากกว่า 250,000 ดอลลาร์ และมากกว่า 95% เป็นการฝากแบบไม่มีประกัน  ดังนั้นอาจจะกระทบเป็นวงกว้างในธุรกิจเทคโนโลยีตามไปด้วย

.

สิ่งที่เกิดขึ้นคือเช้าวันนี้ (13 มี.ค.) ภาครัฐตัดสินใจคุ้มครองเงินฝากทั้งหมดของลูกค้าธนาคาร SVB เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับระบบสถาบันการเงิน โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายมาร์ติน กรุนเบิร์ก ประธาน FDIC ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันในช่วงเช้าวันนี้ โดยเฟดจะจัดตั้งโครงการ “Bank Term Funding Program” จะเสนอเงินกู้อายุ 1 ปีให้กับสถาบันการเงิน โดยต้องยื่นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐยืนยันว่าประชาชนที่ฝากเงินไว้ที่ธนาคาร SVB สามารถเข้าถึงเงินฝากของตนเองได้เต็มจำนวน

.

ราคาทองคำปรับขึ้นแรงตั้งแต่คืนวันศุกร์ต่อเนื่องถึงวันนี้ โดยมีแนวต้านที่ 1,890 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญที่ 1,900 ดอลลาร์    เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะต้องผ่อนคันเร่งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และต้องทบทวนว่ามีการใช้ยาแรงเกินไปในการกดอัตราเงินเฟ้อให้ลดลง สาเหตุที่ทำให้ธนาคาร SVB ล้มเพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่รุนแรง ทำให้ธนาคาร SVB ต้องขายพันธบัตรออกมาในราคาที่ขาดทุนเพื่อให้เสริมสภาพคล่อง หลังจากบรรดาลูกค้าพากันแห่ถอนเงินฝาก เพราะอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาหลักทรัพย์ที่ถืออยู่ลดลง

.

ในคืนนี้ช่วง 5 ทุ่มครึ่งกรรมการเฟดจะจัดประชุมฉุกเฉินแบบปิด ซึ่งคาดว่าจะหารือเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ตอนนี้ตลาดคาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.เพียง 0.25% จากเดิมคาดขึ้น 0.50% และจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในการประชุมเดือนพ.ค. ในปีนี้มีลุ้นเฟดอาจลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 4 ดังนั้นเป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันต่อไป