ราคาอาหารที่พุ่งสูง อาจดันเงินเฟ้อให้พุ่งขึ้นอีกครั้ง

Gold Bullish

  • ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย
  • ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคาร

Gold Bearish

  • การเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

ราคาอาหารอาจพุ่งสูง จนดันเงินเฟ้อให้พุ่งขึ้นอีกครั้งหรือไม่?

ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดมักจะให้ความสนใจไปยังการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ และการส่งสัญญาณของเฟด ว่าจะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือจะยุติวงจรขาขึ้นของดอกเบี้ย  ซึ่งผลการประชุมล่าสุดของเฟด เฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% แต่การจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ ขึ้นกับข้อมูลเศรษฐกิจในเวลานั้น แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจของเฟดที่ให้ความสนใจ ยังคงเป็นเรื่องตลาดแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อ แม้ขณะนี้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะลดลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม

.

แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะกลับไปเพิ่มขึ้นได้ หลังจากที่ปูตินไม่ต่ออายุข้อตกลงธัญพืชทะเลดำ ก็ได้ทำให้ราคาอาหาร ราคาข้าวสาลีในยุโรปและสหรัฐพุ่งสูงขึ้น สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ปูตินไม่ต่ออายุข้อตกลงธัญพืชทะเลดำดังกล่าว จากที่ข้อตกลงนั้นไม่ได้ทำให้ปูตินมีผลประโยชน์แต่อย่างใด เป็นข้อตกลงที่ทำให้ฝั่งยูเครนและชาติตะวันตกได้ประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะยูเครนสามารถส่งออกธัญพืชและข้าวสาลีจากท่าเรือ Odesa, Yuzhny, Chornomorsk ของยูเครนไปยังประเทศต่าง ๆ แต่เรือขนส่งสินค้าของรัสเซียที่บรรทุกปุ๋ยกว่า 200,000 ตัน ก็ยังติดอยู่ท่าเรือหลายแห่งของยุโรป และสิ่งที่รัสเซียต้องการคือการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรของรัสเซีย (Rosselkhvzbank) กลับเข้าสู่ระบบ SWIFT อีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้สหภาพยุโรปเคยหารือกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนที่ข้อตกลงธัญพืชทะเลดำจะหมดอายุ แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ จนถึงตอนนี้ รวมถึงการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก และสงครามยูเครนและรัสเซียยังคงรุนแรงต่อเนื่อง ก็อาจมีส่วนที่ทำให้ปูตินไม่ต่ออายุข้อตกลงได้เช่นกัน

.

การไม่ต่ออายุข้อตกลงธัญพืชทะเลดำ ได้ส่งผลให้ราคาอาหารและราคาข้าวสาลีพุ่งขึ้นทันทีอย่างรวดเร็ว ทั้งในสหรัฐและยุโรป เพราะยูเครนขนส่งสินค้าด้วยเรือบรรทุกมากกว่า 1,000 ลำที่บรรทุกสินค้าเกษตรเกือบ 33 ล้านเมตริกตันจากท่าเรือยูเครน ซึ่งแล่นบนทะเลดำ ผ่านรัสเซีย เพื่อส่งสินค้าไปยังจอร์เจีย  ก่อนที่จะส่งต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ปัญหาตอนนี้คือรัสเซียจะโจมตีเรือทุกลำที่แล่นผ่าน เพราะรัสเซียอ้างถึงความปลอดภัยว่าเป็นเรือบรรทุกทหารมา ทำให้ธัญพืช ข้าวสาลี สู่ตลาดน้อยลง ขณะเดียวกันการโจมตีเรือทุกลำนั้นก็ทำให้เรือไม่กล้าเดินเรือ ค่าใช้จ่ายประกันความเสี่ยงจากสงครามก็จะสูงขึ้น เพราะมีความเสี่ยงสูงขึ้น จึงส่งผลต่อราคาข้าวสาลีสูงขึ้นด้วย หากใช้เส้นทางอื่นในการขนส่ง มันก็จะมีเส้นทางที่ยูเครนสามารถส่งออกธัญพืชผ่านโปรแลนด์ และนำไปยังท่าเรือในทะเลบอลติก หรือไปยังท่าเรือ Constanta ของโรมาเนีย แต่เส้นทางดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งแพงขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งก็ส่งผลอาจทำให้ราคาอาหารพุ่งขึ้นอยู่ดี จึงมีความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อที่อาจจะกลับไปพุ่งขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะที่น่ากังวลที่สุดคือ ฝั่งยุโรป แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนมีแนวโน้มชะลอตัวลงก็ตาม แต่ก็มีการคาดกาณ์ว่าเงินเฟ้อจะยังคงอยู่สูงเกินไป และนานเกินไป จึงเป็นสาเหตุให้ธนาคารกลางยุโรปยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยล่าสุดธนาคารกลางยุโรปมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด เพื่อฉุดเงินเฟ้อ ขณะที่ก็ต้องจับตาการประชุมธนาคารกลางอังกฤษในสัปดาห์นี้ เนื่องจากครั้งล่าสุดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าคาด จึงเกิดแรงซื้อทองคำเข้ามา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,940-1,980 ดอลลาร์  ประเด็นสำคัญในสัปดาห์นี้ที่คาดจะทำให้ราคาทองคำผันผวน คือการจ้างงานสหรัฐเดือนก.ค. และการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ

ดาวน์โหลดเอกสาร