ราคาทองคำจะลงต่ออีกหรือไม่?
Gold Bullish
- ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย
- ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคาร
Gold Bearish
- การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดต่อไป
- ดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่า
ราคาทองคำจะลงต่ออีกหรือไม่?
สัปดาห์ก่อนราคาทองคำลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน แตะ 1,910 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่า ภายหลังประธานเฟดแถลงต่อสภาคองเกรส ย้ำเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอย่างระมัดระวังขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ และเฟดยังต้องใช้เวลาอีกนานในการลดเงินเฟ้อให้สู่เป้าหมาย 2% ทั้งนี้ธนาคารกลางหลายแห่งยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางยุโรปที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมล่าสุด และส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งโดยปกติแล้วสกุลเงินมักจะได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่กรณีนี้นักลงทุนได้เข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย และเทขายปอนด์ เนื่องจากมีความกังวลว่าอังกฤษจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย จากที่ BOE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าคาด ซึ่งการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายแห่งนั้น ยังคงสะท้อนถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำจากที่ดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้น
.
อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลต่อ demand ทองคำลดลง จากที่ข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาอ่อนแอ ส่งผลทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนลง ไม่ว่าจะเป็นโกลด์แมน แซคส์ที่ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ของจีนในปี 2566 ลงสู่ระดับ 5.4% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 6% ขณะที่ซิตี้กรุ๊ปได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนที่ระดับ 5.5% จากที่เคยคาดการณ์การขยายตัว 6.1% ส่วนยูบีเอสปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP จีนปีนี้จะขยายตัวเพียง 5.2% จากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 5.7% และข้อมูลความต้องการทองคำของชาวจีนล่าสุดพบว่า ความต้องการทองคำชาวจีนชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนพ.ค. โดยข้อมูลจากสภาทองคำโลกเผยว่า ยอดขายปลีกทองคำและเครื่องประดับที่ทำด้วยโลหะเงินในจีนปรับขึ้นเพียง 24% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 3.7 พันล้านดอลลาร์ หลังจากเดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้น 44% และเดือนมี.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 37% ซึ่งจีนถือว่าเป็นประเทศที่ใช้ทองคำแท่ง เหรียญทอง และเครื่องประดับทองคำรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลก และธนาคารกลางยังเข้าซื้อทองคำเป็นทุนสำรองติดต่อกัน 7 เดือน โดยปกติแล้วความต้องการทองคำในไตรมาส 2 ของจีนมักจะเป็นช่วงที่จีนมีความต้องการทองคำมากที่สุด และยิ่งข้อมูลเศรษฐกิจจีนเผยออกมาอ่อนแอลง ก็ยิ่งส่งผลต่อความต้องการทองคำในจีน เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีความสัมพันธ์ต่อความต้องการทองคำไปในทิศทางเดียวกัน และยังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าความต้องการทองคำของชาวจีนจะชะลอตัวลงอีกในเดือนมิ.ย. จากที่ชาวจีนมีความระมัดระวังการใช้จ่ายด้วยเงินสดมากขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ จึงอาจส่งผลต่อแรงซื้อทองคำในระยะสั้นที่อาจจะไม่ได้มีเข้ามามากจากชาวจีน
.
อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาทองคำมีแนวโน้มดีขึ้นในระยะกลาง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูง โดยเฉพาะในสหรัฐและยุโรป ซึ่งอาจส่งผลให้มีแรงซื้อทองคำเข้ามาเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ และโดยปกติแล้วความต้องการทองคำของจีนจะกลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 รวมถึงธนาคารกลางจีนยังคงเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสามารถชดเชยการชะลอตัวของยอดขายปลีกทองคำในประเทศได้
แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดยังเป็นขาลงอยู่ หลังจากสัปดาห์ก่อนลดลงอย่างต่อเนื่องจนหลุดแนวรับสำคัญ 1,920 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับของเส้น Trendline