มุมมองตลาดยังคงคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้
Gold Bullish
- ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย
- ปัญหาการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐที่ระดับ 31.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
- การยุติวงจรขาขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
- ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคาร
Gold Bearish
- การเจรจาสันติภาพ เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ในยูเครน
มุมมองตลาดยังคงคาดการณ์เดิมว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้
มุมมองของตลาดยังคงมีความเห็นที่แตกต่างจากเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ ด้วยสัปดาห์ก่อนที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ไม่ว่าจะเป็น ประธานเฟดสาขาริสมอนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา และประธานเฟดสาขานิวยอร์กต่างสนับสนุนให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ขณะเดียวกันยังไม่ได้มีความเห็นว่าเฟดควรลดดอกเบี้ยในปีนี้ การส่งสัญญาณหนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า ประกอบกับความหวังของความคืบหน้าการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องและเข้าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 สัปดาห์ ขณะที่มุมมองของตลาดยังมีความเห็นที่สวนทางกับมุมมองของเฟด ซึ่งตลาดยังคงมีมุมมองว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงจะส่งผลต่อความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ไม่ว่าจะเป็นทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้น จึงทำให้เงินหมุนเวียนในระบบน้อยลง และความต้องการสินค้าและบริการของผู้บริโภคจะลดลง ผลกระทบไม่ได้มีเพียงต่อผู้บริโภคเท่านั้น ยังกระทบต่อธุรกิจที่ทำให้กำไรและผลผลิตลดลง และทำให้เกิดลดจำนวนพนักงานลง ซึ่งเคยมีตัวอย่างมาแล้วในปี 2523-2524 ในขณะนั้นอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 14% และเฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 19% ส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอาจทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยสิ้นสุดลง อย่างเช่นในปี 2545 ที่เฟดลดอัตราดอกเบี้ยลงทำให้เกิดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 2546 และลดความรุนแรงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ตลาดยังคงไม่ได้มีความมั่นใจต่อระบบธนาคารสหรัฐที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ แม้ว่าเฟดและรัฐมนตรีคลังสหรัฐจะพยายามสร้างความมั่นใจว่าระบบธนาคารสหรัฐยังมีความแข็งแกร่งก็ตาม แต่ก็มีนักวิเคราะห์ได้เตือนว่ายังมีธนาคารสหรัฐเกือบครึ่งหนึ่งนั่นก็คือ ธนาคารของสหรัฐกว่า 2,315 แห่งจากทั้งหมดกว่า 4,800 แห่งมีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สิน และมีความเสี่ยงที่จะเกิดการล้มละลาย และยิ่งไปกว่านั้นมีแบงก์ 1 ใน 10 ของแบงก์ที่เสี่ยงล้มมากที่สุด และเป็นธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบโลก โดยมีสินทรัพย์มากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ และธนาคารอีก 3 แห่งเป็นธนาคารรายใหญ่ ซึ่งธนาคารเหล่านี้ได้ใช้กองทุนส่วนเพิ่มเพื่อสำรองไว้ยามฉุกเฉินไปแล้ว และผลกระทบของความเสี่ยงด้านวิกฤติธนาคารที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจ จึงทำให้มุมมองของตลาดยังคงยืนยันการคาดการณ์เดิมว่าอาจทำให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
สหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ได้หรือไม่ในสัปดาห์นี้
เหลือเวลาเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ที่สหรัฐต้องเร่งรีบในการพยายามผลักดันให้ร่างกฎหมายการเพิ่มเพดานนี้ผ่านมติจากสภาคองเกรส เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในช่วงต้นเดือนมิ.ย. แม้ว่าจะมีข่าวความคืบหน้า แต่ก็ยังดูเหมือนยังไม่ลงตัว ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ต้องรีบเดินทางกลับเพื่อไปแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเพดานหนี้สหรัฐ จากวันศุกร์ที่มีความขัดแย้งกันในสภาคองเกรส ที่พรรครีพับลิกันเดินออกจากสภา เพราะประเด็นหลักๆ ยังคงเป็นเรื่องการลดค่าใช้จ่ายลง ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนที่อาจทำให้สวัสดิการต่าง ๆ รวมถึงด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพของชาวอเมริกันจะได้รับน้อยลง ก็ต้องมาติดตามกันต่อในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าในที่สุดสภาคองเกรสน่าจะตกลงกันได้ โดยอย่างน้อยที่สุดแล้วน่าจะผ่านร่างกฎหมายระยะสั้นออกมาก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้สหรัฐ
ระยะสั้นอาจเกิด Technical Rebound อย่างไรก็ตาม สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำรายวันยังมีแนวโน้มปรับตัวลง ซึ่งต้องติดตามประเด็นการเจรจาเพดานหนี้สหรัฐ หากมีความคืบหน้า หรือบรรลุข้อตกลงการเจรจากันได้ ก็จะส่งผลให้เกิดแรงเทขายออกมาอีกครั้ง ทั้งนี้คาดว่าแนวต้านสำคัญที่อาจทำให้เกิดแรงเทขายออกมาที่บริเวณ 1,990-2,000 ดอลลาร์