คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรก หลังจากเกาหลีเหนือเดินหน้าทดสอบอาวุธ ซึ่งรวมถึงการทดสอบยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic Missile) จำนวน 1 ลูกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (11 ม.ค.) และยิงทดสอบจำนวน 2 ลูกในสัปดาห์ที่แล้ว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คณะบริหารของปธน.ไบเดนได้ทำการคว่ำบาตรชาวเกาหลีเหนือ 6 ราย, ชาวรัสเซีย 1 ราย และบริษัทรัสเซียอีก 1 ราย ซึ่งสหรัฐเชื่อว่าเป็นผู้จัดหาสินค้าจากรัสเซียและจีนเพื่อสนับสนุนโครงการขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะขัดขวางความคืบหน้าของโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และเพื่อสกัดกั้นความพยายามต่าง ๆ ที่จะแพร่กระจายเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับการผลิตอาวุธ

รายงานระบุว่า สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) มีคำสั่งห้ามเครื่องบินฝั่งตะวันตกของสหรัฐบางส่วนขึ้นบิน หลังได้รับรายงานว่าเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงในช่วงเช้าของวันอังคารที่ 11 ม.ค.ตามเวลาท้องถิ่น โดยคำสั่งห้ามขึ้นบินดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัย

“เราได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธและได้ปรึกษากับประเทศพันธมิตรอย่างใกล้ชิด แม้ว่าเราจะลงความเห็นว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเจ้าหน้าที่หรือเขตแดนของสหรัฐและพันธมิตรของเรา แต่เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงว่าโครงการพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่” เจ้าหน้าที่ FAA กล่าว

ทางด้านสำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือได้เดินทางไปเยี่ยมชมการยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และสั่งการให้นักวิทยาศาสตร์ของกองทัพ “เร่งความเร็วในการเพิ่มศักยภาพทหารเชิงยุทธศาสตร์ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ และพัฒนากองทัพให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น”

นายชาด โอแครอล ประธานบริษัท Korea Risk Group ซึ่งจับตาเกาหลีเหนือกล่าวว่า การที่นายคิมเข้าเยี่ยมชมการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดอย่างเปิดเผยนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่มีนัยสำคัญ และสะท้อนให้เห็นว่านายคิมไม่ได้วิตกกังวลเกี่ยวกับการมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการทดสอบขีปนาวุธเทคโนโลยีรุ่นใหม่ และไม่สนใจว่าสหรัฐจะมองเช่นไร

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์